ปกติเวลารถยนต์ของเรามีปัญหาเรื่องของยาง เช่น ยางรั่ว ยางซึม ที่ยังไม่ถึงขนาดที่ว่าต้องทำการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ วิธีการแก้ไขที่ทุกคนเลือกใช้คือนำรถเข้าร้านปะยาง เมื่อเรานำรถเข้าร้านปะยางแล้วช่างมักจะถามว่าต้องการปะยางแบบไหนระหว่างสตรีมกับแทงไหม เล่นเอาคนที่ไม่เข้าใจงงไปตาม ๆ กัน เมื่อตัดสินใจไม่ได้ ช่างก็มักจะเลือกทำในวิธีการที่ตนเองถนัด เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของการปะยางทั้งสองแบบนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าปัญหาของรถเราเมื่อเข้าร้านปะยางควรเลือกปะแบบไหนดี
การปะยางแบบสตรีม
การปะยางแบบนี้เป็นการปะยางด้วยความร้อน ลักษณะการทำคือต้องถอดยางออกมาเพื่อทำการปะรอยรั่วจากตรงด้านในของยาง วัสดุที่เลือกใช้จะเป็นวัสดุเฉพาะเป็นยางชิ้นแผ่น ๆ ขนาดเล็ก ด้านหลังมีตัวทำละลายความร้อน พอช่างหารูรั่วของยางเจอก็จะเอากระดาษทรายหรือไม่ก็หัวเจียรทำการขัดผิวโดยรอบของรูรั่วดังกล่าวจากด้านใน เสร็จแล้วใช้กาวยางทาลงไปแล้วใช้ชุดสตรีมยางปะทับลงไปอีกที ปะเสร็จจึงเอาเครื่องกดอัดความร้อนมากดทับซ้ำอีกครั้งให้ชุดปะละลายจนแทบจะเป็นชิ้นเดียวกันกับเนื้อยางด้านในเท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์ เป็นรูปแบบการปะยางที่ได้รับความนิยมมายาวนาน พบเห็นร้านปะยางแบบนี้ได้ทั่วไป เหมาะกับกรณีโดนตะปูตำ รอยขาดแบบฉีกแบนไม่ใหญ่มากนัก ความคงทนแทบไม่ต่างจากยางเดิม แถมรับแรงอัดได้ดีเยี่ยม แต่มีข้อเสียคือใช้เวลาในการปะนาน ต้องถอดล้อออกมาแล้วหาจุดไหนรั่วอีกทั้งเมื่อปะเสร็จต้องมีการถ่วงล้อใหม่ ถ้ายางโดนความร้อนสูงมาก ๆ โอกาสที่แผ่นปะจะหลุดย่อมมีมากตามไปด้วย
การปะแบบแทงไหม
บางคนก็เรียกว่าการปะยางตัวหนอน วิธีนี้ไม่ต้องถอดยางออกจากตัวล้อเมื่อช่างเจอรอยรั่วของยางจะทำการแทงเพื่อขยายรูรั่วดังกล่าวแล้วค่อยนำไหมหรือตัวหนอนมาใส่ที่อุปกรณ์สำหรับแทง ลักษณะเหมือนเข็มร้อยขนาดยักษ์ จากนั้นช่างจะแทงเข้าไปตรงรูที่ทำการขยายไว้จนเหลือแค่ปลายแท่งสองฝั่ง ดึงอุปกรณ์แทงออกมา ตัวแท่งไหมจะทำการอุดรอยรั่วดังกล่าวไว้ วิธีการนี้เหมาะกับแผลตะปูหรือโดนของแหลมที่เป็นรูเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานแค่ 5 – 10 นาที ทว่าการปะแบบนี้อาจต้องเติมลมยางบ่อยเนื่องจากจะซึมออกง่ายกว่าปกติ
คงพอเข้าใจการปะยางทั้งสองแบบแล้ว คราวนี้เจอช่างถามอีกก็สามารถบอกได้เลยว่าต้องการให้ช่างจัดการแบบไหน